ประวัติโดยย่อ หลวงปู่สรวง
หลวงปู่เป็นใครมาจากไหน อายุเท่าไหร่ ไม่มีใครทราบ รู้แต่ว่าอริยะสงฆ์ผู้อยู่เหนือกาลเวลาถึง 500 พรรษา จำวัดทั่วจักรวาล นึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไป ชาวบ้านนับพันนับหมื่นแห่งดินแดนอิสานใต้ ตั้งชื่อให้ท่านว่าผู้วิเศษแห่งภูตะแบง หรือเทวดาเล่นดิน
เรื่องราวของหลวงปู่สรวงแห่งทุ่งละลมเป็นเรื่องราวที่เล่าขานมานานหลายต่อหลายชั่วอายุคน ว่ามีพระอริยะเจ้าองค์หนึ่งมีอายุยืนยาวหลายร้อยปี มีผู้พบเห็นมาตั้งแต่รุ่นทวด รุ่นปู่ย่าตายายจนกระทั่งรุ่นลูกรุ่นหลาน แต่ท่านก็ยังคงสภาพอยู่อย่างนั้นอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งยังมีปาฏิหาริย์สารพัด เป็นเรื่องเหนือโลก เหนือความคิด ความคาดหมายของปุถุชนธรรมดา โดยกล่าวกันว่าท่านเดินตากฝนไม่เปียก ดำน้ำได้เป็นชั่วโมงๆ ล่องหนหายตัว เดินย่นย่อระยะทาง รักษาโรคภัยไข้เจ็บให้หายได้อย่างน่าอัศจรรย์ และมีอีกหลายต่อหลายเรื่อง เรียกว่าเป็นเรื่องเล่าที่ไม่รู้จบ ล้วนมีแต่ความน่าอัศจรรย์พิศวงในตัวท่านทั้งนั้น
หลวงปู่สรวงนับว่าท่านเป็นหนึ่งในตำนานของพระอภิญญา ที่จับต้องได้มีตัวตนจริง ที่สำคัญคือมีครูบาอาจารย์หลายท่านที่ได้พบเห็นได้สัมผัส รวมถึงมีผู้คนหลากหลายที่ได้เห็นถึงความพิเศษในองค์หลวงปู่สรวง
ในด้านของครูอาจารย์ที่มีโอกาสได้สัมผัสหลวงปู่สรวงนั้น มีอยู่หลายท่าน เช่นหลวงปู่ฤทธิ์ หลวงปู่หงษ์ วัดเพชรบุรี หลวงพ่อสร้อย วัดเลียบราษฏฺบำรุง หลวงปู่โป๊ะ วัดบ้านบิง หลวงปู่เจียม วัดกะมอล หลวงปู่สาย วัดตะเคียนราม หลวงพ่อทองพูล วัดป่าโคกชาติ และยังมีอีกหลายต่อหลายท่านที่มีโอกาสได้สัมผัสถึงองค์หลวงปู่สรวงและยืนยันว่าท่านเป็นพระแท้ พระทองคำ แม้ว่าพฤติกรรมของหลวงปู่สรวงจะเป็นที่พิศวงของคนทั่วไป
หลวงปู่สรวง ท่านเป็นสรณะที่พึ่งของชาวสุรินทร์ ชาวศรีษะเกศ และทั้งผู้ศรัทธาทั้งใกล้และไกล รวมๆแล้วก็น่าจะมีผู้นับถือท่านอยู่ทั่วประเทศ เพราะกิตติศัพท์ของท่านนั้นเลื่องลือ ไม่ว่าการให้โชคลาภ การโปรดผู้ยากให้พ้นจากความทุกข์ทั้งการกินอยู่ การเงิน โรคภัยใข้เจ็บ ผู้ที่ท่านโปรดล้วนได้รับความสุขกายสุขใจ เปรียบดังว่าได้ตายแล้วเกิดใหม่ มีชีวิตที่ดีกว่าเดิม ดังนั้นจึงมีผู้คนจำนวนมากต่างพยายามแสวงหาที่จะพบท่านให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิตเพื่อเป็นบุญวาสนา
อภินิหารต่างเล่าขานกันมาจากปากต่อปาก สื่อสิ่งพิมพ์ตีแพร่เรื่องราวของหลวงปู่อยู่เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นที่กล่าวขานมาจนทุกวันนี้
หลวงปู่สรวง ท่านละสังขารเมื่อ วันที่ 8 กันยายน 2542 (ขึ้น 10 ค่ำเดือน 10 ปีมะโรง )
สรีระสังขารของท่านตั้งอยู่ที่ศาลา.ออยเตียนสรูล.วัดไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ
วัตถุมงคลของหลวงปู่เป็นที่นิยมกันอย่างมาก ต่างเสาะแสวงหาเพื่อให้ได้มาครอบครองเก็บไว้เป็นศิริมงคล เพราะพุทธคุณครอบจักรวาล
พุทธคุณครบเครื่อง ทั้ง เสน่ห์ เมตตามหานิยม ค้าขายโชคลาภ ครอบจักรวาล
มีวัตถุมงคลหลวงปู่สรวงติดตัว เหมือนมีแก้ว 3 ประการ คือ
1 หน้าที่การงาน มีความเจริญก้าวหน้า
2 ด้านโชคลาภ ค้าขายดีทันตาเห็น
3 ป้องกันอุบัติเหตุ ไม่มีตายโหง
และ อธิฐานจิตได้ดั่งใจปราถนาทุกประการ
พระปิดตาเหล็กไหลเพลิง ปี 2530
หลวงพ่อสร้อยท่านได้เหล็กไหลเพลิงมาส่วนหนึ่งจากเขากุเลน ได้มีการสร้างพระกริ่งเหล็กไหลเพลิงขึ้น หลวงพ่อสร้อยท่านสร้างเองที่วัดเลียบ เพื่อสร้างวัด ตาลานพยอม คือหารายได้สร้างวัด ตาลานพยอม
และโลหะที่เหลือก็มาสร้างพระปิดตาเหล็กไหลเพลิงจำนวนหนึ่ง เนื้อโลหะส่วนโลหะขอมพันปีผสมเหล็กไหลเพลิง
เนื่องจากหลวงพ่อสร้อยท่าน ทำเองในวัดเลียบและหลวงปู่สรวงท่านก็ไปเสกให้ที่วัดเลียบ พระกริ่งเหล็กไหลเพลิง พร้อมพระปิดตา ให้หลวงปู่สรวงท่านเสก หลวงปู่สรวงผู้เป็นอาจารย์ของท่านนั่งจับสายสิญจน์คุมตลอดพิธีการสร้างและพิธีพุทธาภิเษก หลวงปู่สรวง ท่านนำพระปิดตาเหล็กไหลเพลิงและพระกริ่งเหล็กไหลเพลิง ซึ่งแช่ในบาตรน้ำมนต์ 9 บาตร มาเสก หลวงปู่เสกจนน้ำมนต์ในบาตรทั้ง 9 และโอ่งน้ำมนต์อีก 4 โอ่งเดือดนานเป็นชั่วโมง
พอเสร็จหลวงปู่สรวงท่านพูดภาษาเขมรว่า ซึ่งหลวงพ่อสร้อยท่านแปลไทยให้ฟังว่า " เหล็กไหลเพลิง ครอบคลุมทุกอย่าง...แรง....เร็ว....." จึงนับว่าเป็นวัตถุมงคลที่ผู้ที่นับถือหลวงปู่สรวงต้องบูชาไว้
ในปีนั้น หลวงพ่อสร้อยท่านก็ได้นิมนต์ พระเกจิชื่อดัง มาร่วมพุทธาภิเษกในปี 2530 ดังนี้
1. หลวงปู่หงษ์ สุสานทุ่งมน(สุรินทร์)
2. หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่
3. หลวงพ่อผาด วัดบ้านกรวด
4. หลวงพ่อชื่น วัดตาอี(บุรีรัมย์)
5. หลวงปู่ธรรมรังสี
6. หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
7. หลวงปู่ทิม วัดพระขาว
8. หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน
9. หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก
10. หลวงพ่อเกตุ วัดเกาะหลัก(ประจวบ)
11. หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดถ้ำแฝด(เก่งเหล็กไหล)
12. หลวงปู่ฤทธิ์ วัดชลประทาน
13. หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
14. หลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง
15. หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวกการาม
พระปิดตารุ่นนี้ดีทุกประการ โชคลาภวาสนา ค้าขาย การงาน กันแก้อาถรรพ์ ขอได้ดั่งใจปรารถนา
ตอกโค้ด
พระปิดตาจารด้วยปากกาเมจิก